เส้นทางพระโสดาบัน ท่อน 3

เส้นทางพระโสดาบัน ท่อน 3

643
0
แบ่งปัน

เรื่องพระโสดาบันนี่ พูดกับคนงมงายนี่ มันพูดยาก

ความเชื่อว่าเป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ นี่เป็นความงมงายอย่างสุดโต่ง

ในพระไตรปิฏกเอง ก็แปลออกมาให้เห็นชัดๆตั้งหลายบท

ว่าผู้ที่เข้าถึงความเป็นพระโสดาบัน ไม่ได้ยากเย็นอะไร แต่ชาวไทยเป็นเรื่องยากเย็น

ที่ยากเย็นเพราะไม่เข้าใจเรื่องศีล ใจยังห่างไกลความเป็นศีล

เรียกง่ายๆว่าเป็นผู้เข้าใจ มูลเหตุแห่งความเป็นจริงเบื้องต้นไม่ถูก หากเข้าใจถูก

ก็เป็นมนุษย์มีเหตุมีผลมากขึ้น ไม่ตกอยู่ภายใต้กระแสแห่งความงมงาย

ที่เรียกว่า สีลพตปรามาสน่ะ คือความงมงาย

คนมีเหตุมีผล มันมีสติตรึกตรอง ละความงมงายลงได้

ละความสงสัยในสิ่งเหนือเหตุเหนือผลลงได้

ละการยึดมั่นถือมั่นในทิฏฐิและอารมณ์ในกระแสแห่งความเป็นต้วตนลงได้

นี่เรียกได้ว่า เป็นผู้ละเครื่องร้อยรัดจิตลงได้ระดับหนึ่ง

เป็นผู้ที่มีสติปัญญาเห็นแจ้งเบื้องต้น

เรียกว่าเป็นผู้ละสังโยชน์ได้สามประการ

สีงโยชน์คือเครื่องร้อยรัดใจให้ติดข้องในวัฏฏะ

ในที่นี้คือยังหลงงมงาย

นี่พูดกันกันภาษาไทยง่ายๆ ไม่ต้องใช้ภาษามากความ

ถ้าปัญญาตามรู้ไม่ได้อีก ก็อยู่อย่างผู้หาหนทางยากๆในการเป็นพระโสดาบันไปเหอะ

พระโสดาบันไม่ได้หาอ่านจากหนังสือ ตำราโว้ย

อ่านให้ตาย ก็วนอยู่กับเรื่องราวต้องนู่นนี่นั่น

จอมตำราเอง ยังไม่รู้เลยว่าอะไรคือพระโสดาบัน

อ่านมาจำมาแล้วมาตีความอักษรเอา

คนมาฟังทีหลังก็บ้าตำราตาม และยึดเอาว่า เออๆๆๆๆ กูก็ว่า

นางวิสาขานี่เป็นเด็กแค่ 7 ขวบ เท่ากับเด็ก ป. 1 บ้านเรา

สุปปะพุทธะกุฏฐิ เป็นขอทาน วรรณต่ำเป็นโรคเรื้อน

นางกลางเมืองบ้านเราเรียกว่า กระหรี่ หรือจะเป็นโจร เป็นพราน เป็นผู้ทุศีลอะไรก็ตาม

ทำไมเขาเป็นพระโสดาบันกันได้

แล้วทำไมคนไทยถึงได้เสือกคิดว่าเป็นกันยากจัง

พวกแปลความเขามา คนนั้นเป็นคนนี้เป็น แต่ไม่อธิบายว่าเขาเป็นกันด้วยเหตุแห่งผลอันใด

ยกแต่พระสูตรตามเขาว่ามา ว่าท่านว่ากันอย่างงี้ๆๆๆ ฟังแล้วก็เออๆๆๆกูรู้แล้ว

นี่เป็นความล่มจมชิ๊บหายแห่งศาสนาที่ไม่มีใครจะบรรลุได้เลยทีเดียว

เพราะแปลเอาแต่ผลและหัวข้อที่เขาว่ามา

และไอ้ที่เขาว่ามา มันก็ไปแปลของเขามา ไม่รู้ว่าจะกี่แปล

ที่จริงมันก็เป็นเปลือกอย่างหนึ่ง รอผู้มีปัญญามาแกะผล

แต่กว่าจะมีผู้มีปัญญามาแกะผลให้

ไอ่ห่า..!! คนทั้งเมืองต่างก็เข้าใจว่าผลที่เป็นเปลือกนี่ มันเป็นเนื้อเยื่อไปชิบ

พุทธเราจึงแดกผลทั้งเปลือกมาตลอด

ปลอกเปลือกกินเนื้อเยื่อไม่เป็น

ถ้าเกิดมีใครมาปอกให้ มันก็จะให้ความหมายว่า ไอ้นี่มันโง่ นี่มันเนื้อเยื่อแท้ๆ เสือกมาหาว่าเป็นเปลือก

นี่..พวกแดกเปลือกจนเข้าใจว่าเปลือกที่แดกเป็นเนื้อเยื่อ

แกะเนื้อเนื่อส่งให้มัน มันก็ขว้างทิ้งเปล่า

ทางที่ดี ก็เก็บเปลือกเพื่อรักษาเนื้อเยื่อไว้เช่นนั้น

รอลูกหลานที่มีปัญญา มาแกะเปลือกเพื่อเฟ้นหาเนื้อเยื่อที่น่าทานกันต่อไป

อย่างไปอยากเป็นเลย พระโสดาบัน

เกิดมาชาตินี้ ตั้งธงชัยในความเป็นอรหันต์โน้น จึงจะสมภูมิ

และพวกบ้าตำรา ยึดตำราไม่ปล่อยนี่ก็จอมอุปาทาน

เรียนรู้เรื่องราวจากตำรา มาเป็นพอแนวทางนั่นแหละดี

แต่นี่ เอาตัวตนความคิดเข้าไปเป็นจอมตำรา

ปลดปล่อยความคิดออกจากตำราไม่ได้เลย มันติดเหง็กอยู่แค่ตำรา และเอาตำรามาเถียงมาอ้างข้างๆคูๆ ตามภาษาความรู้ยึดมั่นของมัน

เราจะหาใครซักคนที่มันฉลาดพอ ที่จะกล้าแสดงสัจธรรมจริงแหกตำรากันออกมา

คนมีปัญญา มันแสดงแหกคอกความงมงายออกมา เขาก็ต้องมีเหตุมีผล

แต่ไอ้พวกยึดนี่ มันไม่ฟังเหตุฟังผล

มันมักดึงดันเอาแต่ความรู้ที่มันยึดจากตำรา มาแปะๆโชว์

นี่มันโชว์ความโง่งี่เง่า แสดงถึงความไม่มีภูมิธรรมอะไรกับใครเขาเลย

มีแต่ตัดแปะก็อปปี้ขามา แล้วนำมาเถียงภาษาใจอย่างข้างๆคูๆ

นี่..มันเป็นการแสดงวิสัยทัศน์แบบคนโง่รึฉลาด

นี่มันพวกขาดการวิเคราะห์เหตุและผล

ไม่ได้บอกว่าไม่ให้เชื่อตำรา

เพียงแต่อยากบอกว่า มึงหัดคิดอะไรเป็นอะไรตามความเป็นจริง เป็นกันบ้างใหม

อยากบอกแค่นี้แหละ ” มึงคิดเป็นกับเขาใหม ”

ถ้าคิดไม่เป็น หัดฟังเฉยๆก็ได้ คิดได้เมื่อไหร่ ก็ค่อยเอาความรู้ที่คิดได้นั้น เอามาเสือก แล้วเราจะได้พูดคุยกันได้รู้เรื่อง